balance transfer



ก่อนโอนหนี้บัตรเครดิต (Credit card balance transfer) ถามตัวเองดีหรือยัง
ผู้เขียน Choke Chira

หนี้บัตรเครดิต (Credit Card Debt) เป็นปัญหาหนี้สินที่ต้องแก้ไขอย่างระมัดระวัง วิธีหนึ่งที่นิยมกันมากในการแก้ปัญหาหนี้สินที่เกี่ยวกับบัตรเครดิตคือ การโอนหนี้บัตรเครดิต (Credit card balance transfer) ผู้ถือบัตรส่วนมากจะไม่ค่อยตระหนักถึงปัญหาหนี้บัตรเครดิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงทำให้ขาดการวางแผนการใช้จ่ายกว่าจะรู้ตัววงเงินบัตรเครดิตก็เต็มแล้ว พอวงเงินบัตรเครดิตเต็มสิ่งที่จะตามมาก็คือค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เกิดจากการรูดบัตรเครดิตที่ขาดการยับยั้งชั่งใจจนทำให้เกิดเป็นปัญหาหนี้สินตามมา

ในแต่ละเดือนที่ผู้ถือบัตรต้องจ่ายชำระหนี้บัตรเครดิต (ขั้นต่ำ) นั้นทางผู้ออกบัตรจะนำไปหักเป็นค่าดอกเบี้ยก่อนแล้วส่วนที่เหลือจึงนำมาหักยอดหนี้ที่เป็นเงินต้น เมื่อจ่ายชำระคืนแล้วจะเป็นด้วยความจำเป็นหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ต้องมีการถอนเงินสดหรือใช้เงินซื้อสินค้าจากบัญชีบัตรเครดิตออกมาอีกทำให้ชำระเท่าไหร่ก็ไม่หมดหนี้แถมยังต้องเสียค่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตให้กับผู้ออกบัตรทุกๆเดือน สถานการณ์ของผู้ถือบัตรเครดิตส่วนมากจะเป็นไปในลักษณะนี้

การโอนหนี้บัตรเครดิต (Credit card balance transfer) เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้บัตรเครดิตซึ่งสามารถทำได้โดยการที่ผู้ถือบัตรที่มีความประสงค์จะทำการโอนหนี้บัตรเครดิตทำการติดต่อไปยังธนาคารหรือสถาบันการเงินที่รับโอนหนี้บัตรเครดิต เหตุผลในการโอนหนี้บัตรเครดิตคือผู้ถือบัตรจะได้รับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ถูกกว่าเดิมและสามารถยืดระยะเวลาในการจ่ายชำระหนี้ได้นานกว่าเดิมทำให้ยอดการจ่ายชำระรายเดือนน้อยลงกว่าเดิม นอกจากนี้ผู้ถือบัตรยังได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการโอนหนี้บัตรเครดิตและได้รับคำปรึกษาฟรีอีกด้วย

การตัดสินใจโอนหนี้บัตรเครดิตต้องพิจารณาว่าผู้ถือบัตร (Credit Card Holder) จะได้รับประโยชน์จากการโอนหนี้บัตรเครดิตแค่ไหนหรือพูดง่ายๆว่าคุ้มค่าเหนื่อยหรือไม่ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ควรตระหนักไว้ก่อนตัดสินใจทำการโอนหนี้บัตรเครดิตคือถามตัวคุณเองว่าคุณมีวินัยในการใช้จ่ายเงินแค่ไหน คำถามนี้ควรจะถามผู้ถือบัตรก่อนที่จะตัดสินใจสมัครเป็นผู้ถือบัตรด้วยซ้ำไปเพราะปัญหาหนี้บัตรเครดิตที่เกิดขึ้นนั้นย่อมเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คุณมีคุณสมบัติเพียงพอหรือคุณมีความรับผิดชอบเพียงพอที่จะเป็นผู้ถือบัตรเครดิตอันทรงเกียรติ์หรือไม่

ดังนั้นผู้ถือบัตรเครดิตที่คิดจะโอนหนี้บัตรเครดิตต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณสามารถทำตามเงื่อนไขของการโอนหนี้บัตรเครดิตได้หรือไม่ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายชำระบัตรเครดิตที่ลดลงในแต่ละเดือนจะถูกนำไปใช้ก่อหนี้อย่างอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ นั่นคือหากคุณพิจารณาแล้วว่าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้สร้างหนี้เพิ่มได้ก็คงได้ข้อสรุปแล้วว่าควรทำการโอนหนี้บัตรเครดิตหรือไม่ หากคุณยังดื้อรั้นที่จะเดินหน้าต่อไปก็เท่ากับเป็นการสร้างหนี้สินเพิ่มขึ้น นั่นคือปัญหาหนี้บัตรเครดิต  (Credit Card Debt) นอกจากจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้วยังมีแนวโน้มที่ปัญหาหนี้สินจะเพิ่มขึ้นมาทับถมตัวผู้ถือบัตรฯ มากขึ้น ดังนั้นควรคิดให้ดีก่อนการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตครั้งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น